ทุกๆ ปี หลายๆ ท่านที่มีรถก็ต้องคอยวุ่นเกี่ยวกับเรื่องของ “การต่อทะเบียนรถ” ซึ่งมีขั้นตอนหลายๆ แบบเลยหล่ะครับ วันนี้เราจะขอมาแนะนำให้ทุกๆ ท่านมาพบกับการ “ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการต่อทะเบียนรถ” ที่เราได้นำมาฝากทุกๆ ท่านกันครับ เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา เราไปชมกันดีกว่าครับผม
ความสำคัญของทะเบียนรถ
ทะเบียนรถ หรือ ป้ายทะเบียนรถยนต์ เป็นสิ่งที่ช่วยระบุตัวตนของรถ ซึ่งนอกจากตัวอักษร และตัวเลขบนป้ายทะเบียนแล้ว ยังมีการแบ่งประเภทของรถยนต์ด้วยสีของป้ายทะเบียนอีกด้วย ซึ่งป้ายทะเบียนรถที่ใช้ในประเทศไทย หลักๆ มีทั้งหมด 13 แบบ ได้แก่
1. ป้ายสีขาว ตัวอักษรสีดำ คือ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ไม่เกิน 7 ที่นั่ง เช่น รถเก๋ง และรถยนต์ทั่วไป ซึ่งเป็นป้ายทะเบียนที่พบเห็นได้บ่อยที่สุด
2. ป้ายสีขาว ตัวอักษรสีเขียว คือ รถบรรทุกส่วนบุคคล เช่น รถกระบะ หรือ รถบรรทุกขนาดเล็ก แต่สำหรับรถกระบะบางคันที่เป็นป้ายตัวหนังสือสีดำนั้น หมายความว่า จดทะเบียนเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล หากใช้ในการบรรทุกเมื่อไหร่ จะถือว่าผิดกฏหมายทันที
3. ป้ายสีขาว ตัวอักษรสีน้ำเงิน คือ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่มีที่นั่งมากกว่า 7 ที่นั่ง เช่น รถตู้
4. ป้ายประมูลหรือป้ายทะเบียนที่มีพื้นหลังเป็นลายกราฟฟิค คือ ป้ายทะเบียนที่มีการประมูลตัวเลขชุดพิเศษ
5. ป้ายสีแดง คือ ป้ายที่ออกให้ชั่วคราว เพื่อบ่งบอกว่ารถยนต์คันนี้ยังไม่ได้การรับรองด้วยการจดทะเบียนตามกฏหมาย ซึ่งรถคันดังกล่าวสามารถใช้งานบนถนนได้ชั่วคราว แต่ต้องอยู่ในข้อกำหนดของกรมการขนส่งทางบก
6. ป้ายสีเหลือง ตัวอักษรสีดำ คือ รถจักรยานยนต์ และ รถยนต์รับจ้าง ที่สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ไม่เกิน 7 คน เช่น Taxi หรือ มอเตอร์ไซค์วิน
7. ป้ายสีเหลือง ตัวอักษรสีเขียว คือ รถ 3 ล้อรับจ้าง เช่น รถตุ๊กๆ
8. ป้ายสีเหลือง ตัวอักษรสีแดง คือ รถยนต์รับจ้างระหว่างจังหวัด
9. ป้ายสีเหลือง ตัวอักษรสีน้ำเงิน คือ รถยนต์เล็ก 4 ล้อรับจ้าง เช่น รถกระป๊อ
10. ป้ายสีเขียว ตัวอักษรสีดำ/สีขาว คือ รถบริการทัศนาจร และรถบริการให้เช่า เช่น รถลิมูซีนสนามบิน
11. ป้ายสีส้ม ตัวอักษรสีดำ คือ รถบรรทุกพ่วง รถแทรกเตอร์ และรถที่ใช้ในทางเกษตรกรรม
12. ป้ายสีขาว (ไม่สะท้อนแสง) ตัวหนังสือสีดำ คือ รถยนต์ของผู้แทนทางการฑูต จะขึ้นต้นด้วย ท และตามด้วยรหัสประเทศ ขีด แล้วตามด้วยเลขทะเบียนรถ
13. ป้ายสีฟ้า (ไม่สะท้อนแสง) ตัวหนังสือสีขาว แบ่งได้ 3 หมวดได้แก่
อักษร พ คือ หน่วยงานพิเศษในสถานฑูต
อักษร ก คือ คณะผู้แทนกงศุล
อักษร อ คือ องค์กรระหว่างประเทศ
ต่อทะเบียนรถต้องทำอย่างไรบ้าง?
การต่อทะเบียนหรือการเสียภาษีและตรวจสภาพรถยนต์ มี2 ขั้นตอนหลักๆ คือ
►เตรียมเอกสาร
●สมุดคู่มือจดทะเบียนรถตัวจริงหรือสำเนา
●เอกสาร พ.ร.บ.รถยนต์ ที่ยังไม่หมดอายุ
●ใบรับรองการตรวจสภาพรถ (สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน หรือรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ที่จดทะเบียนมาแล้วตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป )
●เงินสำหรับอัตราภาษีรถตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522
►นำรถไปตรวจสภาพ (รถที่มีอายุเกิน 7 ปี) และมี พ.ร.บ.รถยนต์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้นำเอกสารทั้งหมดไปยื่นเสียภาษีประจำปีได้ที่กรมการขนส่งทางบก หรือจะเป็นช่องทางอื่น ๆ ที่เปิดให้เข้าไปยื่นเสียภาษีได้
หากต่อทะเบียนรถช้าจะเกิดอะไรขึ้น?
การต่อทะเบียนรถ หรือต่อภาษีรถยนต์ ที่หลายคนอาจเรียก ถ้าเราไม่เสียภาษีประจำปี แน่นอนว่ารถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ของเราจะผิดกฎหมายทันที ซึ่งหากนำรถคันดังกล่าวมาวิ่งใช้งานบนท้องถนนแล้วเจ้าหน้าที่ตรวจพบ จะต้องเสียค่าปรับตามกฎหมายระบุไว้ครับ
และนี้ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับ “การต่อทะเบียนหรือต่อภาษีรถ” ที่เราได้นำมาฝากทุกๆ ท่านกันในบทความข้างต้นนี้กันครับ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ